หลังจากพักผ่อนกันจนเต็มอิ่ม สวัสดีเช้าวันใหม่จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของทางภูริตา เราน่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่ หาดซันไรท์ ซึ่งก็ไม่ได้ห่างจากที่พักซักเท่าไหร่เดินไปได้ แต่เราคำนวณแล้วไม่เดินดีกว่าไหน ๆ ภูริตาเองก็มีจักรยานให้ยืมขี่ได้ จะเดินทำไมหล่ะเนอะ เราตื่นเช้าที่นี่ 3 เช้าปั่นจักรยานไปดูพระอาทิตย์ขึ้น 2 เช้า เช้าแรกหลงทางไปไม่ทัน ฮะ ฮ่า เช้าที่ 2 ก็ยังไม่ทันแต่ก็เช้ากว่าวันแรก ฟ้าเปิดแสงสวย เลยเอารูปมารวม ๆ กันไปเลย แล้วเช้าที่ 2 ก็เปลี่ยนบรรยากาศทานอาหารเช้าที่ชาวบ้านขายกันด้วย ว่าแล้วก็ไปกัน
ป่ะ เตรียมจักรยานไปลุยกันเลย
ถ้าเจอแผนที่ก่อนคงไม่หลงแน่
เช้าที่นี้อาจดูไม่คึกคักเพราะเท่าที่ดูไม่ได้มีตลาดแบบชัดเจน เหมือนเป็นร้าน ๆ มากกว่า
ถามดูเห็นว่าเป็นพระที่มาจากสำนักสงฆ์บนเกาะ ถ้ามีโอกาศมาอีกจะสำรวจให้ทั่วเลย
ระหว่างทางกลับรีสอร์ท เราก็เจอกับชุมชนคนพื้นที่เดิมอยู่บริเวณกลางเกาะ
น่าจะขาดไปรูปนึง ตอนแรกเห็นแต่พอจะถ่ายรูปขากลับพยามหาแล้วหาไม่ยักกะเจอ
ยอมรับเลยว่า เหนื่อยเอาเรื่องอย่าถามว่าเหงื่อเยอะไม๊ เอาเป็นว่าถ้าใครเห็นจะถามว่าไปอาบน้ำมาเหรอ แต่ที่เหนื่อยเพราะอาจจะไม่เคยออกกำลังกายเลยมากกว่าใช้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนขี้เกียจมากเกินไป แนะนำว่าถามรักการท่องเที่ยวหมั่นออกกำลังกายบ่อย ๆ จะดีมากไม่ต้องถึงขนาดให้น้ำหนักลดหรอกเอาแค่ให้แข็งแรง ๆ ไว้ เวลาเที่ยวจะได้ไม่มีปัญหามาก นอกเรื่องไปไกลเลยเช้านี้กลับมาทานมื้อเช้ากันเลยดีกว่า แต่ดูวิวก่อนเห็นแล้วหายเหนื่อยเลยนะเนี้ย
เครื่องดื่มมาตราฐาน ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำผลไม้ น้ำเปล่า สั่งได้
ใคร ๆ เค้าก็กินกัน เนอะ
ข้าวต้มอร่อย ยกนิ้วให้แม่ครัวเลย
ล้างปากเบา ๆ เห็นซีด ๆ แบบนี้หวานสดชื่นทีเดียว
อธิบายอีกครั้งก่อนไปดำน้ำตอนประมาณ 11 โมง ทริปนี้เราซื้อแพคเกจจากงานไทยเที่ยวไทย 3 วัน 2 คืนและได้วอยท์เชอร์มาอีก 3 วัน 2 คืน ในแพคเกจทั้ง 2 รายการมีแถมดำน้ำรอบในเหมือนกัน ก็เลยคุยกับทางภูริตา เพราะไม่รู้จะดำรอบใน 2 รอบไปทำไม พอดีทางภูริตามีโปรแกรมดำน้ำแบบไฮไลท์ คือดำทั้งรอบใน รอบนอก แต่เลือกเฉพาะเกาะเด่น ๆ ของแต่ละทริปมายำรวมกัน แล้วเพิ่มส่วนของการไปดูแพลงต้อนเรืองแสงเข้าไปด้วย โดยเรายินดีที่จะจ่ายส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา ทริปเราก็เลยอาจจะไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าด้วยประการฉะนี้นั้นเอง
กลับห้องล้างเนื้อ ล้างตัว หลับน้อย ๆ ซักงีบ พอใกล้เวลาประมาณซัก 10 โมงเราก็ออกไปรอกะว่าจะเดินถ่ายรูปเล่นระหว่างรอ ที่ไหนได้ครเรือของเรามารออยู่แล้ว งั้นเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา นักท่องเที่ยวพร้อม คนเรือพร้อม ทุกอย่างพร้อม ไปกันเลย
ตอนนี้ รูปอาจจะเยอะไปหน่อยแต่อยากให้เห็นจริง ๆ เพราะมันสวยจริง และถ้าฟ้าไม่เน่าเหมือนวันที่เราไปเค้า (คนเรือ) บอกว่ามันสวยกว่านี้อีก ว๊่งเราเชื่ิอสนิทใจเลย ลืมบอกไปทริปเราเนี้ยรวมอาหาร 2 มื้อ อุปกรณ์ครบ น้ำดื่มตลอดรายการ ประมาณว่าไปแต่ตัว แต่อย่าลืมพกบัตรค่าเข้าอุทยานไปด้วยนะถ้าลืมมีการเสียเพิ่มแน่
ที่แรก ร่องน้ำจาบังอันโด่งดังของที่นี่ คนเยอะใช้ได้
อ้าวคนหายไปไหนหมด นี่แหละข้อดีของทริปไฮไลท์ ฮะ ฮะ ฮ่า ร่องน้ำจาบังเป็นของเรา
ไม่เห็นมีไรเลย!
อะ อะ ไม่เคยเห็นแฮะ
หลังจากรูปนี้ วานให้พี่คนเรือแกช่วยถ่ายให้ ต่อไปจะเรียกว่าพี่ดำแล้วกันแกมาดำผุด ดำว่ายคอยจูงเราให้ไปในส่วนที่เค้าดูกัน ประมาณว่าเราดูผิดที่ พอดำถูกที่เท่านั้นแหละ อุ อุ บุ้งๆ ๆ
ที่นี้น้ำค่อนข้างแรง ทรงตัวลำบาก แต่อลังการมาก ถ้าจำไม่ผิดที่นี้เน้นปะการัง 7 สี เป็นหลัก
อย่าถามนะ ไม่รู้จัก ไม่เก่งเรื่องปะการัง เอาแค่ว่าเห็นของจริงสวนกว่าในทีวีเยอะ
สวัสดี นีโม่ (จริง ๆ มันชื่อ แอนี่โมนี่ฟิช(มั้ง))
หน่ำใจแล้วไปกันต่อดีกว่า
เกาะหินงาม
ป้ายนี้มีคำแช่งคนที่นำหินจากเกาะออกไป พี่ดำบอกอยากถ่ายรูปสวย ๆ ให้วักน้ำราดหินแล้วหินจะเป็นมันวาว อยากบอกพี่ว่าผมเน้นถ่ายวิวไม่ต้องราดกันมือหงิกเลยเหรอพี่ เอาตามสภาพจริงนี่แหละ
นี่คือพี่ดำ และเรือของเรา
ต่อที่เกาะหินซ้อน แค่ขับผ่านดูเอาแปลก ๆ ว่ามันอยู่ได้ไง
ไปต่อ ๆ เค้าเรียกว่า เกาะกง
เค้าบอกว่ามันชื่อปะการังไฟ มีเยอะมาก มีเป็นทุ่งเลย
ดูไปดูมากลัวซะงั้น มันเยอะจนน่ากลัว กลัวจะไปโดนเค้าด้วย กลัวส่วนตัวด้วย
ได้เวลาเติมพลังงานแล้ว พี่ดำจะพาไปหาดลิงกัน
ปรกติเจอแต่ข้าวกล่องโฟม อันนี้มีรายละเอียดดูดีจัง ชอบ ๆ
ข้าวเหนียว ไก่ย่าง เป็นมื้อแรกที่ไม่ค่อยถูกปาก แต่เสริมพลังงานได้เต็มที่
ไปต่อ ที่หมายเกาะรอกลอย
ที่นี้ไม่เน้นดูปะการัง เป็นที่ ๆ เจ้าหน้าที่มาตรวจบัตรด้วย
ที่นี่เน้นอย่างเดียวเท่าที่เห็นคือ น้ำใสมากกกกกกกก
ถ้าแดดจัด ๆ คงเห็นเหมือนเรือลอยแบบรูปที่เคยเห็นแน่ พอดีวันของเราฟ้าเน่าสนิท
มาต่อกันที่เกาะผึ้ง
ที่นี่ก็เหมือนเช่นเคย พี่ดำทั้งลาก ทั้งจูง ชี้จุดให้ดูกันอย่างสนุกสนาน
ไฮไลท์ของที่นี่คือ กัลปังหา
หอยเม่นเยอะมาก
เต็มอิ่มกับปะการัง เหน็ดเหนื่อยกับการดำน้ำ จบลงที่พักผ่อนเล่นน้ำกันที่ เกาะอาดัง
ภารกิจคือ ทานข้าวเย็นพร้อมชมพระอาทิตย์ตกลับขอบเมฆ
มื้อเย็นของเรา
พี่ดำกับลูกชายระหว่างรอพระอาทิตย์ตก เล่นกันน่ารักเชียว
มองไม่เห็นพระอาทิตย์ตก ไม่ทันได้ดูแสงทไวไลท์รูปนี้ถ่ายบนเรือ เพราะต้องไปหาจุดที่จะดูแพลงต้อยเรืองแสง ซึ่งบางทีก็บอกไม่ได้ว่าจะมีช่วงไหน แต่คนเรือเค้าจะรู้กันและคอยบอกแนะกัน ตอนเราไปก็มีเรืออีกลำมาพ่วงติดกันเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่เห็นอะไร เพราะไม่ใช่คืนเดือนมืด แต่พอโดดลงไปในน้ำซักพักพอสายตาเริ่มชินกับความมืดเท่านั้นแหละ ทุกครั้งที่เราตีน้ำหรือมีการเคลื่อนไหวในน้ำ มันจะมีพรายฟองกับจุด ๆ เรืองแสงแบบพรายน้ำบนหน้าปัดนาฬิกาอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมดเลย อย่างกับหนังไซไฟเลย ตะลึงหน้าดู แต่มันไม่แค่นั้นเพราะหลังจากก้ม ๆ เงย ๆ ดูกันอยู่ซักพักก้มีแพลงต้อนอีกแบบ มันมาเป็นสายเลยแบบเคลื่อนไหวได้ ไม่ต้องกระพือน้ำอะไรเลยค่อย ๆ พุ่งเข้ามาหาเราเองเลยแรก ๆ ก็มีแค่สายเดียวซักหน่อยมาดัน 4-5 สายเลย อันนี้ซิตื่นตาตื่นใจมากไม่เคยเห็นมาก่อน จะนึกให้ออกก็เหมือนในหนังไซไฟตอนปล่อยพลังอะไรประมาณนั้นแหละ เสียดายที่ไม่ว่าจะพยายามถ่ายยังไงก็ถ่ายไม่ติดเลย พอจะมีได้มาภาพนึงแต่เอามาดึงแสงในคอมสุดฤิทธ์ก็ได้แค่เท่าที่เห็นนี่แหละ
ขอบด้านล่างเป็นขอบเรือเราเอง เส้รเขียว ๆ เหมือนสายฟ้านั้นแหละคือเจ้าตัวที่ว่ามันเหมือนสิ่งมีชิวิตเคลื่อนไหวได้ตอนลองช้อนมันดูในน้ำ หรือตอนมันว่ายมาชนชูชีพ มันจะแตกเป็นดวง ๆ แบบโดนปืนเพ็นท์บอลยิงเลย แต่เป็นจุดเล็ก ๆ เรืองแสง แปลกมากพยามหาในอากู๋ก็ยังไม่ได้ความรู้ที่ชัดเจน ถามพี่ดำกับคนเรืออีกคนเค้าบอกไอ้แบบนี้นาน ๆ มีทีเค้าไม่เรียกแพลงต้อนเพราะมันว่ายน้ำได้ เฮอะ ๆ งงกันไปใหญ่
เริ่มดึกแล้วคือประมาณทุ่มนึงแล้วสมควรแก่เวลา พี่ดำไปส่งเราที่หาดซันไรท์ โดยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ภูริตามาคอยรับ น้ำที่หาดตื้นพอให้พี่ดำลงไปจูงเรือหลบปะการังที่มีเยอะมากที่หน้าหาด จากมุมบนเรือตอนช่วยส่องไฟไปที่พื้นหาดขนาดมืด ๆ น้ำยังใสมากเลย ตอนยืนมองที่หาดคงเพราะแสงสะท้อนเราเลยมองว่ามันไม่ใสเท่าที่เห็นตอนนี้
ถึงภูริตาจ้อง ๆ เจ้าหน้าที่รีบมาสอบถามว่าเป็นไงบ้าง? สนุกไม๊? น่ารักดีแล้วบอกด้วยว่าเตรียมอาหารชุดซีฟู๊ดรอไว้แล้ว เออ!ลืมไปเลยว่ามีอยู่ในแพคเกจด้วย ทานไหวไม๊เนี้ย?
งานย่างไม่ต้องคิด ของต้องสด และที่นี่ก็สด
แซ๊ปเปรี้ยวนำ ซดแล้วชื่นใจหายเหนื่อย
ตอนแรกนึกว่าอิ่มหิวขึ้นมาซะงั้น แต่ตอนจบก็ทานไม่หมดอยู่ดี สว. ก็แบบนี้แหละทานน้อย
จบวันนี้ด้วยความอร่อน และเหน็ดเหนื่อยตามสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยเป็นใจแต่ก็รู้สึกคุ้มค่าสุด ๆ ยังไม่เคยไปหมู่เกาะสุรินทร์ที่เค้าเล่าลือกันว่ายเป็นที่ดำดูปะการังน้ำตื้นที่สวยที่สุด แต่บอกได้เลยว่าที่หลีเป๊ะนี่สวยสุดเท่าที่เคยเห็นมาแล้วหล่ะ ยังมีถนนคนเดินอันลือลั่น กับชายหาดสวย ๆ ขอพักเอาแรงอีกคืนดีกว่ายังมีเวลาค่อยไปสำรวจเกาะ แต่ เอ๊ะ!พรุ้งนี้เราต้องย้ายที่พักแล้วนี่น่าลืมไปเลย
ตอนต่อ
ห า ด ซั น ไ ร ท์ ห า ที่ พั ก ต่ อ ที่ เ ก า ะ ห ลี เ ป๊ ะhttp://hawkof9.blogspot.com/2016/05/blog-post_8.html
เ ดิ น เ ล า ะ ห า ด เ ที่ ย ว ถ น น ค น เ ดิ น บ น เ ก า ะ ห ลี เ ป๊ ะ
http://hawkof9.blogspot.com/2016/05/blog-post_4.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น