hawker

hawker

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ที่นี่แหละ "หลีเป๊ะ"

ความเดิมตอนที่แล้ว



          ตอนที่แล้วเล่าถึงเรื่องการเดินทางแบบ ขิว ๆ ช้า ๆ สุดท้ายก็ได้เรือเป็นสปีดโบ๊ตทั้งที่ตอนแรกนึกว่าจะได้นั่งเรือเฟอร์รี่ ซึ่งได้นั่งขากลับบอกเลยว่าสบายกว่ากันเยอะ แอร์เย็น ๆ นั่งไม่ต้องเบียดกัน เรื่องกระแทกเวลาเจอคลื่นแทบไม่รู้สึก ถ้าไม่ติดว่าสปีดโบ๊ตที่เรานั่งเค้าแวะเกาะตะรุเตา กับเกาะไข่ เราคงไม่เลือก


กำลังอึดอัดกันได้ที่เพราะวันนี้คนขึ้นเกาะกันเยอะ แต่เค้าก็ระวังเรื่องความปลอดภัยกันดีไม่มีแบกน้ำหนักแน่ ๆ



สำหรับคนที่หาที่นั่งข้างในเรือไม่ทัน แตกแดดกันขำ ๆ


          ท่าจอดเรือของเกาะตะรุเตา ขึ้นเกาะประมาณ 15 นาที และจ่ายค่าเข้าอุทยานที่นี้ด้วย คนละ 40 บาทแต่ถ้าไม่อยากขึ้นก็ไม่บังคับ แต่ไหน ๆ มาแล้วแนะนำว่าขึ้นไปถ่ายรูปกับป้ายบนเกาะซักหน่อยก็ดีไม่เสียเวลามาก











น้ำใส แต่หาดยังไม่ใช่อย่างที่คิด และแดดร้อนมาก ดีที่ลมพัดมาเรื่อย ๆ ครายร้อนได้เยอะ


ต่อกันที่เกาะไข่


เช่นเคย น้ำใส หาดทรายที่นี่จัดว่าเด็ด นุ่มเท้าดี ตอนลงไปเอารองเท้าไปด้วยนะ แดดแรงทรายร้อนร่างกายยังปรับตัวเป็นชาวเกาะไม่ได้



มุมมหาชน เค้าบอกว่าถ้าใครมาลอดซุ้มนี้ด้วยกันจะรักนิรันด์ ตอนมาน้ำกำลังขึ้นถ้าลอดตอนนี้เกรงว่าจะตีกันไปนิรันด์แทนแน่ ๆ



แดดแรงเหมาะกับการมาทะเล แต่อยู่นานไม่ได้เป้าหมายคือ หลีเป๊ะ





เดินกลับไปขึ้นเรือ จริง ๆ น่าจะจอดให้เล่นน้ำซัก 2 ชั่วโมง


          พอขึ้นจากเรือสปีดโบ๊ตได้นี่ออกอาการตัวใครตัวมันเลยนะ ที่หลีเป๊ะเรือเข้าไปเทียบที่หาดไม่ได้เพราะประการังรอบเกาะเยอะมาก ต้องขึ้นที่แพ แล้วต่อเรือหางยาว (เรือหัวโทง) เข้าเกาะจ่ายอีกคนละ 50 บาท จากแพนี้ถ้ามารีสอร์ทแพง ๆ หน่อยเค้าจะมีเรือของเค้าเองมารับด้วยไม่ต้องมารอต่อคิวเยอะ ๆ แน่นอนว่าต่อคิวไปได้แปร๊บนึงพวกถามมีตั๋วเรือยังครับ? ไปลงไหนครับ? อ้าวเข้าคิวฟรีซิเนี้ย



          นี่เลยซื้อตั๋วตรงนี้ก่อน สำหรับคนที่ไม่ได้ลงที่ตะรุเตาก็ต้องมาเสียค่าธรรมเนียมตรงนี้แหละ ได้ตั๋วแล้วไปต่อคิวเลย หรือให้เพื่อนต่อคิวริไว้เลยก็ได้ เห็นคนเยอะแลดูเหมือนไม่มีระเบียบ แต่ก็รอไม่นานหรอก อดทน อดทน



เห็นแล้วอยากมาเที่ยววันธรรมดาจัง



หน้าตาเรือหัวโทง



เรือนี่จะแบ่งไปลง หาดพัทยา (เรียกวอคกิ้งสตีทก็มี) หาดซันไรท์ และเกาะอาดัง ถ้าถึงคิวเราแต่เรือไม่ได้ไปหาดที่เราจะไปก็ต้องให้คนที่เค้าไปตรงกับเรือที่จะออกไปก่อนนะ



นั้นไงเกาะหลีเป๊ะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


น้ำใสเชียว


          ไม่ได้ถ่ายรูปตอนขึ้นหาด เท้าแรกเหยียบลงบนเกาะ เพราะทุลักทุเลเกินไปเนื่องจากโป๊ะพลาสติกลอยน้ำที่จะต้องเป็นจุดเทียบเรือโดนสปีดโบ๊ตที่ไหนไม่รู้มาจอดขวางไว้ทำให้เรือเราต้องจอดบริเวณหาด ไต่บันไดลงน้ำเกือบถึงน่อง ไหนจะกระเป๋า ทางที่พักก็โทรมาแจ้งอีกว่าส่งเจ้าหน้าที่มารับแล้ว ก็รีบกันเลยแถมร้อนด้วย เวลาก็ล่วงเลยมาจะบ่าย 2 แล้วด้วยแถมร้อนมั๊กมาก (ขี้บ่นว่ะ แค่ปีนี้ร้อนกว่าปีก่อน ๆ แค่เนี้ย)


          เค้าเป็นใคร มาจากเด้าแดนใด ไม่มีใครรู้จัก แต่เรารู้ด้วยการดูจากเสื้อที่มีชื่อรีสอร์ทนี่แหละ นามของเค้าคือ "พี่ชอ" ซึ่งหลังจากนี้เราใช้บริการพี่แกบ่อยมาก และนั้นคือบริการส่วนหนึ่งของทางรีสอร์ทที่ยินดีไปส่งให้ทุกที่บนเกาะ และถ้าจะกลับก็โทรเรียกไห้มารับได้แต่ถึงแค่ 3 ทุ่มนะ และมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างที่เราเห็นเนี้ยบนเกาะเค้าเรียกแท็กซี่คิดค่าบริการแบบเหมารายหัว ๆ ละ 50 บาท





ถนนหาทางบนเกาะ




ถึงแล้วมาเหนื่อย ๆ นั่งพักกันก่อนที่ ภูริตา สบาย ที่พักในเครือเดียวกัน แต่เราพักที่ ภูรอตา รีสอร์ท



เวลคัมดริ๊งค์ เป็นน้ำมะนาวเปรี้ยว ซ่า สะใจ หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว


สดชื่นกันแล้วไปเช็คอินกันเลยดีกว่า รู้สึกอยากอาบน้ำมากกกกกกกก จำได้ไม๊? ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้อาบน้ำเลย ยิ่งอากาศร้อน ๆ ด้วย สงสัยเพราะการนี้แหละเลยขี้บ่นมาตลอดทางมันเหนียวตัวนี่เอง






เรียกบ้านถูกไม๊? ดูยังไงก็ไม่เหมือน ฟร้อนที่ใช้เช็คอินตามที่พัก ดูเป็นกันเอง เรียบง่าย น่ารักเนอะ






น้องเหมียวมาต้อนรับด้วย เคยอ่านมาว่าที่นี้เป็นเกาะแมวด้วยนะ ซึ่งก็เห็นด้วยแมวบนเกาะเยอะจริง ๆ

  

ทางเดินของรีสอร์ทถึงลักษณ์จะเป็นแบบเชิงเขาแต่ เดินง่าย ไม่โหดเหมือนบางที่ ๆ เคยไปพัก



มีเจ้าหน้าที่พามาถึงห้องเลย กระป๊ง กระเป๋า กองทิ้งไว้ที่ฟร้อนแล้วเดี๋ยวเค้าเอามาให้เอง


ห้องที่เราพักอารมณ์ประมาณนี้แหละ รูปนี้ห้องข้าง ๆ



ล้างเท้ากันก่อน รีสอร์ทมีรองเท้าให้ด้วยนะ ใครลืมเอาแตะมาไม่ต้องหาซื้อเลย



          ห้องที่นี่ตั้งเป็นชื่อสถานที่ที่นี้ เราคือเกาะหินซ้อน เป็นห้องแบบมองเห็นวิวทะเล ตอนจองในงานไทยเที่ยวไทยก็ระบุวันเลยแล้วถามน้องที่บู๊ทว่าห้องไหนเห็นวิวดีสุด สรุปคือดีทุกห้อง แต่ห้องนี้มีต้นไม้บังน้อยสุด



มุมนั่งเล่น เก๊น่ะ นั้นไงเห็นแว็บ ๆ เกือกของทางรีสอร์ทไม่ขี้เหร่นะ





วิวที่มองจากในห้องก็ได้ แต่ชอบนั่งข้างนอกมากกว่า เพราะจะมีลมพัดมาเรื่อย ๆ และถึงจะเป็นลมทะเลแต่กลับไม่เหนียวตัว ประมาณว่านั่งสบายมากได้บรรยากาศสุด ๆ




มุมนี้ห้องอื่นต้นไม้เยอะหน่อย



เข้าห้องดีกว่า


เป็นไง สวยไม๊?



          ขนาดห้องไม่ถือว่าใหญ่นะ โดยส่วนตัวว่าเล็กไปหน่อย (หรือว่าเราตัวใหญ่) แต่จัดวางได้ลงตัวมากน่าจะเป็นเพราะไปแบ่งส่วนกับพื้นที่บริเวณระเบียงเพราะดูแล้วเกือบเท่า ๆ กันเลยนะเนี้ย ที่นอนถึงจะยังไม่ใช่เตียงดูดวิญญาณแต่ก็นอนสบายเลยแหละ และสำคัญคือสะอาด



เฮ้ย! ห้องน้ำ



อันนี้ก็ใหญ่เกิน สงสัยเค้าใช้กฎ 3 ส่วนตอนทำห้องพักแน่ ๆ





ประเด็นคือ สิ่งอำนวยความสะดวกครบ น้ำไหลแรง สะอาด ได้ขนาดนี้จะบ่นอะไรกันนักกันหนา



ตอนเห็นที่ตียุงไฟฟ้านึกในใจว่าเอาแล้วยุงเยอะแน่ ๆ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีนะ



กุญแจห้องฟรุ๊งฟริ้งไม๊ เวลาถือเดินนี่ดังกรุ๊งกริ้ง ๆ


          หลังเก็บข้าว เก็บของ อาบน้ำ อาบท่า (ใช้คำเปลืองมาก) ก็ออกมานั่งรับลมซิครับ มาเที่ยวทะเลทั้งทีอย่าไปอุดอู้อยู่แต่ในห้องนะ มันไม่ควร จริง ๆ คือสบายตัวแล้วไง ก็อารมณ์ดีซิ และอีกอย่างคือเรามาถึงก็บ่าย 2 เข้าไปแล้วเลยเวลาอาหารกลางวันซึ่งเป็นมื้อแรกในแพคเกจ ทางรีสอร์ทก็เลยกำลังเตรียมให้อยู่เป็นอาหารจานเดียวทานเอาแรงไปก่อน ปรกติก็ไม่ค่อยได้พักห้องที่เป็นแบบวิวทะเลซักเท่าไหร่ ที่เคยพักก็เป็นตึกแบบสูง ๆ แต่อันนี้นี่อารมณ์ได้เลยพักแบบบังกะโลนิด ๆ วิวงาม ๆ ลมเอื่อยบ้าง แรงบ้าง แต่ไม่เหนอะตัวเนี้ยเล่นเอาเกือบหลับ ไม่กงไม่กินแล้ว



อะ อะ น้อง ๆ เค้ามาเรียกทานข้าวแล้ว



นี่คือบาร์ของห้องอาหาร ซัมบารา (เรียกถูกไม๊น้า?)



แหนะจัดไว้ให้เรียบร้อย



ไม่อยากคิดว่าตัวเองหิวมาก แต่รสชาดอาหารอร่อยเหมือนหน้าตาเลย ที่สำคัญเยอะเอาเรื่อง




ส่วนร้ายอาหารอีกมุม


เมื่ออิ่มเกิน ก็ต้องเดินย่อยกันหน่อย จากที่พักและห้องอาหารมีทางเดินลงมาที่หาดซึ่งจะเรียกว่าหาดส่วนตัวก็ได้เพราะเงียบสงบมาก (หรือตอนนี้แดดมันแรงเกินจนคนไม่ออกมาก็ไม่รู้)



ลืมถามว่าทำไมป้ายอันนี้ต้องมีนม หรืออะไรที่มันคล้ายนม



หมาทะเล ที่นี้มีหลายตัวอยู่ 




เพราะหาดที่เราพัก เป็นหาดซันเซ็ทมันคือหาดที่พระอาทิตย์ตก แต่เราโชคไม่ค่อยดีที่ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกแบบจะ ๆ ซักวันที่มาอยู่ที่นี้ เสียดายจัง



เห็นได้แค่นี้เอง ชอบมุมนี้ ชอบนะร้านอาหารนี้ เจริญอาหารดี ทานพร้อมวิวแบบนี้


          พึ่งทานมื้อเที่ยงตอนเกือบบ่าย 3 เย็นนี้ในแพคเกจมีเซ็ทอาหารเย็นแบบเป็นชุดอีก คิดแล้วน่าจะมีฟิตเนตหน่อยนะจะได้เผาผลาญแคลอรี่ให้เต็มที่ เฮ้อ!ต้องกินอีกแล้วซิ
          ว่าแล้วก็กลับห้องอาบน้ำอีกรอบ อย่าลืมว่าช่วงที่เราไปคือช่วงโค_รร้อนสุด ๆ ร้อนเผาวัวเผาควายฉะนั้นวันนี้ไม่มีทริปจะไปไหนทั้งนั้นแค่เดินเล่นหน้าหาดแล้วก็กิน ๆ ๆ ที่เหลือก็นอนเอาแรงเพราะพรุ้งนี้จะมีทริปดำน้ำที่เราเอา 2 ทริปมารวมกันและจ่ายส่วนต่างเพิ่มเพื่อจะได้ไปแบบส่วนตัว รอเราอยู่อีกทั้งวัน มีไปดูแพลงต้อนเรืองแสงด้วยนะ


อาหารชุด สำหรับ สว. 2 ที่อาจดูไม่เยอะมากแต่ทานไม่หมดจริง ๆ


ไก่นรก ไม่แน่ใจเรื่องชื่อจานนี้เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ อร่อย


สด กรอบ อร่อยอีกแล้ว


เครื่องเคียง ทานเอาจริงได้เลย


          สรุปอาหารทำเราจุก กะแล้วว่าทานไม่หมดแน่ ๆ ดันเล่นจนหมดทุกจานแต่คงไม่ใช่เพราะรสชาดอาหารอย่างเดียวหรอกน่าจะเป็นเพราะบรรยากาศด้วยมุมร้านที่นี้วิวดี ลมดี บริการดี เพลงเพราะ เมื่อหลายดีมารวมกันก็เลยจุกดีจัง


          รูปกลางคืนเบลอ ๆ แตก ๆ เพราะไม่ได้ใช้แฟรชทน ๆ ดูกันนะครับ พระจันทร์กำลังเป็นข้างขึ้นซึ่งเป็นอุปสรรคในการดูแพลงต้อนมาก ได้แต่ลุ้นว่าจะเห็นไม๊? จะถ่ายรูปติดหรือเปล่า? เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกมาว่าไม่มีใครถ่ายติดเลย แต่ของอย่างนี้แค่ได้เห็นมันก็น่าจะเกินบรรยายแล้วหล่ะ
          ต่อกันตอนหน้านะ รูปมันเยอะเกิน แต่ไม่อยากลดรูปเพราะนี่ก็เลือกแล้วเลือกอีกอยากให้ภาพมันเล่าเรื่องแทน ขอบคุณที่ทนอ่าน และติดตามกันนะครับ จะพาเที่ยวดำน้ำแบบส่วนตัว ไปเกาะต่าง ๆ ที่เด่น ๆทั้งรอบนอก และรอบใน จบทริปด้วยการดำดูแพลงต้อนเรืองแสง

ตอนต่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น