ตอนที่แล้วเล่าถึงเรื่องการเดินทางแบบ ขิว ๆ ช้า ๆ สุดท้ายก็ได้เรือเป็นสปีดโบ๊ตทั้งที่ตอนแรกนึกว่าจะได้นั่งเรือเฟอร์รี่ ซึ่งได้นั่งขากลับบอกเลยว่าสบายกว่ากันเยอะ แอร์เย็น ๆ นั่งไม่ต้องเบียดกัน เรื่องกระแทกเวลาเจอคลื่นแทบไม่รู้สึก ถ้าไม่ติดว่าสปีดโบ๊ตที่เรานั่งเค้าแวะเกาะตะรุเตา กับเกาะไข่ เราคงไม่เลือก
กำลังอึดอัดกันได้ที่เพราะวันนี้คนขึ้นเกาะกันเยอะ แต่เค้าก็ระวังเรื่องความปลอดภัยกันดีไม่มีแบกน้ำหนักแน่ ๆ
สำหรับคนที่หาที่นั่งข้างในเรือไม่ทัน แตกแดดกันขำ ๆ
ท่าจอดเรือของเกาะตะรุเตา ขึ้นเกาะประมาณ 15 นาที และจ่ายค่าเข้าอุทยานที่นี้ด้วย คนละ 40 บาทแต่ถ้าไม่อยากขึ้นก็ไม่บังคับ แต่ไหน ๆ มาแล้วแนะนำว่าขึ้นไปถ่ายรูปกับป้ายบนเกาะซักหน่อยก็ดีไม่เสียเวลามาก
น้ำใส แต่หาดยังไม่ใช่อย่างที่คิด และแดดร้อนมาก ดีที่ลมพัดมาเรื่อย ๆ ครายร้อนได้เยอะ
ต่อกันที่เกาะไข่
เช่นเคย น้ำใส หาดทรายที่นี่จัดว่าเด็ด นุ่มเท้าดี ตอนลงไปเอารองเท้าไปด้วยนะ แดดแรงทรายร้อนร่างกายยังปรับตัวเป็นชาวเกาะไม่ได้
มุมมหาชน เค้าบอกว่าถ้าใครมาลอดซุ้มนี้ด้วยกันจะรักนิรันด์ ตอนมาน้ำกำลังขึ้นถ้าลอดตอนนี้เกรงว่าจะตีกันไปนิรันด์แทนแน่ ๆ
แดดแรงเหมาะกับการมาทะเล แต่อยู่นานไม่ได้เป้าหมายคือ หลีเป๊ะ
เดินกลับไปขึ้นเรือ จริง ๆ น่าจะจอดให้เล่นน้ำซัก 2 ชั่วโมง
พอขึ้นจากเรือสปีดโบ๊ตได้นี่ออกอาการตัวใครตัวมันเลยนะ ที่หลีเป๊ะเรือเข้าไปเทียบที่หาดไม่ได้เพราะประการังรอบเกาะเยอะมาก ต้องขึ้นที่แพ แล้วต่อเรือหางยาว (เรือหัวโทง) เข้าเกาะจ่ายอีกคนละ 50 บาท จากแพนี้ถ้ามารีสอร์ทแพง ๆ หน่อยเค้าจะมีเรือของเค้าเองมารับด้วยไม่ต้องมารอต่อคิวเยอะ ๆ แน่นอนว่าต่อคิวไปได้แปร๊บนึงพวกถามมีตั๋วเรือยังครับ? ไปลงไหนครับ? อ้าวเข้าคิวฟรีซิเนี้ย
นี่เลยซื้อตั๋วตรงนี้ก่อน สำหรับคนที่ไม่ได้ลงที่ตะรุเตาก็ต้องมาเสียค่าธรรมเนียมตรงนี้แหละ ได้ตั๋วแล้วไปต่อคิวเลย หรือให้เพื่อนต่อคิวริไว้เลยก็ได้ เห็นคนเยอะแลดูเหมือนไม่มีระเบียบ แต่ก็รอไม่นานหรอก อดทน อดทน
เห็นแล้วอยากมาเที่ยววันธรรมดาจัง
หน้าตาเรือหัวโทง
เรือนี่จะแบ่งไปลง หาดพัทยา (เรียกวอคกิ้งสตีทก็มี) หาดซันไรท์ และเกาะอาดัง ถ้าถึงคิวเราแต่เรือไม่ได้ไปหาดที่เราจะไปก็ต้องให้คนที่เค้าไปตรงกับเรือที่จะออกไปก่อนนะ
นั้นไงเกาะหลีเป๊ะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
น้ำใสเชียว
ไม่ได้ถ่ายรูปตอนขึ้นหาด เท้าแรกเหยียบลงบนเกาะ เพราะทุลักทุเลเกินไปเนื่องจากโป๊ะพลาสติกลอยน้ำที่จะต้องเป็นจุดเทียบเรือโดนสปีดโบ๊ตที่ไหนไม่รู้มาจอดขวางไว้ทำให้เรือเราต้องจอดบริเวณหาด ไต่บันไดลงน้ำเกือบถึงน่อง ไหนจะกระเป๋า ทางที่พักก็โทรมาแจ้งอีกว่าส่งเจ้าหน้าที่มารับแล้ว ก็รีบกันเลยแถมร้อนด้วย เวลาก็ล่วงเลยมาจะบ่าย 2 แล้วด้วยแถมร้อนมั๊กมาก (ขี้บ่นว่ะ แค่ปีนี้ร้อนกว่าปีก่อน ๆ แค่เนี้ย)
เค้าเป็นใคร มาจากเด้าแดนใด ไม่มีใครรู้จัก แต่เรารู้ด้วยการดูจากเสื้อที่มีชื่อรีสอร์ทนี่แหละ นามของเค้าคือ "พี่ชอ" ซึ่งหลังจากนี้เราใช้บริการพี่แกบ่อยมาก และนั้นคือบริการส่วนหนึ่งของทางรีสอร์ทที่ยินดีไปส่งให้ทุกที่บนเกาะ และถ้าจะกลับก็โทรเรียกไห้มารับได้แต่ถึงแค่ 3 ทุ่มนะ และมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างที่เราเห็นเนี้ยบนเกาะเค้าเรียกแท็กซี่คิดค่าบริการแบบเหมารายหัว ๆ ละ 50 บาท
ถนนหาทางบนเกาะ
ถึงแล้วมาเหนื่อย ๆ นั่งพักกันก่อนที่ ภูริตา สบาย ที่พักในเครือเดียวกัน แต่เราพักที่ ภูรอตา รีสอร์ท
เวลคัมดริ๊งค์ เป็นน้ำมะนาวเปรี้ยว ซ่า สะใจ หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว
สดชื่นกันแล้วไปเช็คอินกันเลยดีกว่า รู้สึกอยากอาบน้ำมากกกกกกกก จำได้ไม๊? ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้อาบน้ำเลย ยิ่งอากาศร้อน ๆ ด้วย สงสัยเพราะการนี้แหละเลยขี้บ่นมาตลอดทางมันเหนียวตัวนี่เอง
เรียกบ้านถูกไม๊? ดูยังไงก็ไม่เหมือน ฟร้อนที่ใช้เช็คอินตามที่พัก ดูเป็นกันเอง เรียบง่าย น่ารักเนอะ
น้องเหมียวมาต้อนรับด้วย เคยอ่านมาว่าที่นี้เป็นเกาะแมวด้วยนะ ซึ่งก็เห็นด้วยแมวบนเกาะเยอะจริง ๆ
ทางเดินของรีสอร์ทถึงลักษณ์จะเป็นแบบเชิงเขาแต่ เดินง่าย ไม่โหดเหมือนบางที่ ๆ เคยไปพัก
มีเจ้าหน้าที่พามาถึงห้องเลย กระป๊ง กระเป๋า กองทิ้งไว้ที่ฟร้อนแล้วเดี๋ยวเค้าเอามาให้เอง
ห้องที่เราพักอารมณ์ประมาณนี้แหละ รูปนี้ห้องข้าง ๆ
ล้างเท้ากันก่อน รีสอร์ทมีรองเท้าให้ด้วยนะ ใครลืมเอาแตะมาไม่ต้องหาซื้อเลย
ห้องที่นี่ตั้งเป็นชื่อสถานที่ที่นี้ เราคือเกาะหินซ้อน เป็นห้องแบบมองเห็นวิวทะเล ตอนจองในงานไทยเที่ยวไทยก็ระบุวันเลยแล้วถามน้องที่บู๊ทว่าห้องไหนเห็นวิวดีสุด สรุปคือดีทุกห้อง แต่ห้องนี้มีต้นไม้บังน้อยสุด
มุมนั่งเล่น เก๊น่ะ นั้นไงเห็นแว็บ ๆ เกือกของทางรีสอร์ทไม่ขี้เหร่นะ
วิวที่มองจากในห้องก็ได้ แต่ชอบนั่งข้างนอกมากกว่า เพราะจะมีลมพัดมาเรื่อย ๆ และถึงจะเป็นลมทะเลแต่กลับไม่เหนียวตัว ประมาณว่านั่งสบายมากได้บรรยากาศสุด ๆ
มุมนี้ห้องอื่นต้นไม้เยอะหน่อย
เข้าห้องดีกว่า
เป็นไง สวยไม๊?
ขนาดห้องไม่ถือว่าใหญ่นะ โดยส่วนตัวว่าเล็กไปหน่อย (หรือว่าเราตัวใหญ่) แต่จัดวางได้ลงตัวมากน่าจะเป็นเพราะไปแบ่งส่วนกับพื้นที่บริเวณระเบียงเพราะดูแล้วเกือบเท่า ๆ กันเลยนะเนี้ย ที่นอนถึงจะยังไม่ใช่เตียงดูดวิญญาณแต่ก็นอนสบายเลยแหละ และสำคัญคือสะอาด
เฮ้ย! ห้องน้ำ
อันนี้ก็ใหญ่เกิน สงสัยเค้าใช้กฎ 3 ส่วนตอนทำห้องพักแน่ ๆ
ประเด็นคือ สิ่งอำนวยความสะดวกครบ น้ำไหลแรง สะอาด ได้ขนาดนี้จะบ่นอะไรกันนักกันหนา
ตอนเห็นที่ตียุงไฟฟ้านึกในใจว่าเอาแล้วยุงเยอะแน่ ๆ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีนะ
กุญแจห้องฟรุ๊งฟริ้งไม๊ เวลาถือเดินนี่ดังกรุ๊งกริ้ง ๆ
หลังเก็บข้าว เก็บของ อาบน้ำ อาบท่า (ใช้คำเปลืองมาก) ก็ออกมานั่งรับลมซิครับ มาเที่ยวทะเลทั้งทีอย่าไปอุดอู้อยู่แต่ในห้องนะ มันไม่ควร จริง ๆ คือสบายตัวแล้วไง ก็อารมณ์ดีซิ และอีกอย่างคือเรามาถึงก็บ่าย 2 เข้าไปแล้วเลยเวลาอาหารกลางวันซึ่งเป็นมื้อแรกในแพคเกจ ทางรีสอร์ทก็เลยกำลังเตรียมให้อยู่เป็นอาหารจานเดียวทานเอาแรงไปก่อน ปรกติก็ไม่ค่อยได้พักห้องที่เป็นแบบวิวทะเลซักเท่าไหร่ ที่เคยพักก็เป็นตึกแบบสูง ๆ แต่อันนี้นี่อารมณ์ได้เลยพักแบบบังกะโลนิด ๆ วิวงาม ๆ ลมเอื่อยบ้าง แรงบ้าง แต่ไม่เหนอะตัวเนี้ยเล่นเอาเกือบหลับ ไม่กงไม่กินแล้ว
อะ อะ น้อง ๆ เค้ามาเรียกทานข้าวแล้ว
นี่คือบาร์ของห้องอาหาร ซัมบารา (เรียกถูกไม๊น้า?)
แหนะจัดไว้ให้เรียบร้อย
ไม่อยากคิดว่าตัวเองหิวมาก แต่รสชาดอาหารอร่อยเหมือนหน้าตาเลย ที่สำคัญเยอะเอาเรื่อง
ส่วนร้ายอาหารอีกมุม
เมื่ออิ่มเกิน ก็ต้องเดินย่อยกันหน่อย จากที่พักและห้องอาหารมีทางเดินลงมาที่หาดซึ่งจะเรียกว่าหาดส่วนตัวก็ได้เพราะเงียบสงบมาก (หรือตอนนี้แดดมันแรงเกินจนคนไม่ออกมาก็ไม่รู้)
ลืมถามว่าทำไมป้ายอันนี้ต้องมีนม หรืออะไรที่มันคล้ายนม
หมาทะเล ที่นี้มีหลายตัวอยู่
เพราะหาดที่เราพัก เป็นหาดซันเซ็ทมันคือหาดที่พระอาทิตย์ตก แต่เราโชคไม่ค่อยดีที่ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกแบบจะ ๆ ซักวันที่มาอยู่ที่นี้ เสียดายจัง
เห็นได้แค่นี้เอง ชอบมุมนี้ ชอบนะร้านอาหารนี้ เจริญอาหารดี ทานพร้อมวิวแบบนี้
พึ่งทานมื้อเที่ยงตอนเกือบบ่าย 3 เย็นนี้ในแพคเกจมีเซ็ทอาหารเย็นแบบเป็นชุดอีก คิดแล้วน่าจะมีฟิตเนตหน่อยนะจะได้เผาผลาญแคลอรี่ให้เต็มที่ เฮ้อ!ต้องกินอีกแล้วซิ
ว่าแล้วก็กลับห้องอาบน้ำอีกรอบ อย่าลืมว่าช่วงที่เราไปคือช่วงโค_รร้อนสุด ๆ ร้อนเผาวัวเผาควายฉะนั้นวันนี้ไม่มีทริปจะไปไหนทั้งนั้นแค่เดินเล่นหน้าหาดแล้วก็กิน ๆ ๆ ที่เหลือก็นอนเอาแรงเพราะพรุ้งนี้จะมีทริปดำน้ำที่เราเอา 2 ทริปมารวมกันและจ่ายส่วนต่างเพิ่มเพื่อจะได้ไปแบบส่วนตัว รอเราอยู่อีกทั้งวัน มีไปดูแพลงต้อนเรืองแสงด้วยนะ
อาหารชุด สำหรับ สว. 2 ที่อาจดูไม่เยอะมากแต่ทานไม่หมดจริง ๆ
ไก่นรก ไม่แน่ใจเรื่องชื่อจานนี้เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ อร่อย
สด กรอบ อร่อยอีกแล้ว
เครื่องเคียง ทานเอาจริงได้เลย
สรุปอาหารทำเราจุก กะแล้วว่าทานไม่หมดแน่ ๆ ดันเล่นจนหมดทุกจานแต่คงไม่ใช่เพราะรสชาดอาหารอย่างเดียวหรอกน่าจะเป็นเพราะบรรยากาศด้วยมุมร้านที่นี้วิวดี ลมดี บริการดี เพลงเพราะ เมื่อหลายดีมารวมกันก็เลยจุกดีจัง
รูปกลางคืนเบลอ ๆ แตก ๆ เพราะไม่ได้ใช้แฟรชทน ๆ ดูกันนะครับ พระจันทร์กำลังเป็นข้างขึ้นซึ่งเป็นอุปสรรคในการดูแพลงต้อนมาก ได้แต่ลุ้นว่าจะเห็นไม๊? จะถ่ายรูปติดหรือเปล่า? เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกมาว่าไม่มีใครถ่ายติดเลย แต่ของอย่างนี้แค่ได้เห็นมันก็น่าจะเกินบรรยายแล้วหล่ะ
ต่อกันตอนหน้านะ รูปมันเยอะเกิน แต่ไม่อยากลดรูปเพราะนี่ก็เลือกแล้วเลือกอีกอยากให้ภาพมันเล่าเรื่องแทน ขอบคุณที่ทนอ่าน และติดตามกันนะครับ จะพาเที่ยวดำน้ำแบบส่วนตัว ไปเกาะต่าง ๆ ที่เด่น ๆทั้งรอบนอก และรอบใน จบทริปด้วยการดำดูแพลงต้อนเรืองแสง
ตอนต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น