hawker

hawker

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

ณ วังเวียง


          เส้นทางระหว่างเวียงจันทน์ ไปวังเวียงจะว่าโหดก็ไม่เท่าไหร่นะ เคยมีโอกาศไปเส้นเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอนมาแล้ว คิดว่านังสู่บ้านเราไม่ได้ แต่อย่างว่าถนนเค้าค่อนข้างแคบ ทางเป็นหลุมเยอะหน่อย แต่ถ้าไม่รีบก็เรื่อย ๆ นะวิวข้างทางก็ไม่ขี้เหร่ แต่พลขับของเราถ้าจะรีบมาก อาจจะกลัวว่าไปรับนักท่องเที่ยวขากลับไม่ทัน (ถ้ารีบมากจริง ๆ น่าจะมาตั้งแต่เมื่อวานเนอะ)



          ข้อดีของพลขับคนนี้คือ เค้ารักสะอาดมาก ตอนที่จอดพักกลางทางที่เจ้าของร้านเป็นคนเกาหลี พวกเช็ดกระจกซะใสกิ้กเลย รูปนี้ถ่ายมันในรถไม่มีฝุ่นเกาะเหมือนคันที่ไปหลวงพระบางเลย


เด็กน้อยกำลังเลิกเรียนพอดี เค้าบอกใกล้ถึงแล้ว


เทือกเขาที่เห็นนั้นแหละ วังเวียง ขอบอกว่าภาพที่เห็นจริงสวยกว่าในรูปหลายเท่า

          เหมือนเคยได้ยินมีคนบอกว่าวังเวียง เหมือน ปาย เมื่อ 10 ก่อนโดยส่วนตัวค่อนข้างโชคดีที่ได้ไป ปาย เมื่อ 10 ก่อนม คิดว่าไม่เหมือนนะอาจจะเหมือนตรงกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่สภาพบ้านเมืองแม้จะคล้ายบ้างแต่ว่าบ้านเราดูอบอุ่น น่ารักกว่าเยอะ ถ้าเรื่องธรรมชาติอันนี้ต้องยกให้เค้าแฮะ มันสวยจริง


ที่พักคืนนี้ ใช้บริการ Agoda เช่นเคย แต่กะว่าจะอยู่ที่วังเวียงซัก 2 คืน เดี๋ยวค่อยหาที่พักเอาเย็นนี้แล้วกัน


วิวจากหน้าต่างห้องพักเลย 


          หน้าบ้านติดลำธารเลยนะ หรูป่ะหล่ะ จะเริ่ดมากถ้ามันมีน้ำมากกว่าที่เห็นเยอะ ๆ อะนะ อีกนิดคือตอนจองรายละเอียดของห้องไม่ได้บอกว่าเป็นห้องน้ำแยก เลยคลุกคลักหน่อย แต่ห้องน้ำเค้าก็มีน้ำอุ่นให้ไม่ลำบากเท่าไหร่หรอกยังฟินอยู่
          อย่ากระนั้นเลยรีบออกไปหาห้องพักสำหรับพรุ้งนี้ดีกว่า เพราะเป็นวันที่ 30 ด้วยเดี๋ยวจะไม่มีที่นอน แต่เท่าที่ดูแล้วถ้าไม่เลือกเอาทำเลที่วิวดี ๆ ยังไงก็มีนะ แต่นั้นหลังจากลองตะเวณหาดูแล้วนั้นเอง


          ระหว่างทางเห็นมุงกันเยอะเลยแวะซะหน่อย เป็นที่รวมเรือนำเที่ยวล่องลำน้ำซอง สนนราคา เวลา ไม่รู้ครับพอดีไม่ได้ใช้บริการ ยังมีภารกิจรออยู่ รูปนี้ขยะเยอะไปเนอะ แบบจะได้รู้ว่าเค้าใช้ของบ้านเราเป็นหลักเลย


น้ำใส เย็น อากาศสดชื่น


เดี๋ยวหาทางข้ามไปฝั่งนู้นกัน


 จากบนสะพานที่มหาชนเค้าแห่กันไป


สะพานข้ามไปถ้ำจัง ประมาณว่าเป็นจุดที่มาวังเวียงแล้วต้องมา เสียงค่าเข้านะครับเช่นเดิมจำราคาไม่ได้





น่าจะเป็นทางเข้าถ้ำ แต่ไม่ได้ลงไปคือไม่ได้เข้าไปในถ้ำนะ ประมาณว่าเกิดขี้เกียจกระทันหัน


อันนี้ก็ถ่ายบนสะพาน อีกด้าน


มุมนี้แอบเข้าไปถ่ายตอนไปถามเรื่องห้องพักครับ ถ้าได้พักที่นี่คงดีแน่ แต่...เต็ม


          หลังจากหาที่พักได้แล้ว เหมือนเดิมเลยคือกลับที่พักอาบน้ำ อาบท่า พักสายตาไปตื่นนึง เจ้าท้องก็เรียกร้องให้ตื่นขึ้นมา วันนี้เหยี่ยวหาอะไรที่มันบ้าน ๆ ไม่เจอเลยแถม wifi ที่ ๆ พักก็ไปไม่ถึงห้องพักเพราะเป็นหลังสุดท้ายพอดี เลยเลือกเอาร้านนี่แหละ มี wifi ฟรี แต่.....เหมือน wifi ตั้งจะมาเสียตอนอยากใช้ซะงั้น


คิดไม่ออก สั่งมะกะโรนี


อยากซดอะไรร้อน ๆ เพราะเริ่มเย็นก็ เฝ้อ..(อีกแล้ว อย่าพึ่งรีบเบื่อยังกินเจ้านี่อีกหลายมื้อ)


อันนี้มีกันทั่วเมืองเลย แพงถูกต่างกันนิดหน่อย

 
ที่เห็นร้านชื่อ K เหมือนธนาคารบ้านเรานั้นของเกาหลีเพียบ


          คืนนี้เท่าที่เห็นส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเยอะมาก ถึงขนาดมีร้านเกาหลีโดยเฉพาะเลย แต่ไม่ได้ถ่ายมาให้ดู เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดว่าจะลองมารีวิว ไว้โอกาศหน้าจะทำให้ละเอียดกว่านี้นะ หลังจากภาพนี้ก็เลยกลับที่พักแล้วดีกว่า ว่าจะลองไปนับดาวดู (สรุปไม่ยักกะเห็นดาว)


อรุณสวัสเช้าวันใหม่ วันที่ 30 ธันวาคม ตื่นมาพร้อมเห็นบอลลูนพอดีเลย เห็นแล้วอยากขึ้นไปบ้างจัง


อาหารเช้ากับตลาดน้อย ๆ


โจ๊กก็มีนะ


เหมือนเดิมที่ไหนคนเยอะเราจะไป





          ไม่รู้จะบรรยายยังไง อารมณ์ บรรยากาศเกินบรรยายครับ ต้องมาเอง ที่เห็นเป็นตึกสูง ๆ ด้านหลังเป็นที่เมื่อวานเราไปถามเรื่องที่พักแล้วเค้าเต็ม


          และแน่นอนกองทัพจะพร้อมท้องต้องอิ่ม เราเลือกออกมาโซนที่เป็นส่วนนอกใกล้ถนนใหญ่ ก็เลยได้เจอร้านแบบชาวบ้าน ๆ อย่างที่อยากได้เลย ร้านตอนแรกเค้าอยู่แถวโซนนักท่องเที่ยวไม่ได้ทานร้านนั้น กลัวไม่อิน


ข้าวเปียกปากหม้อ


โจ๊ก


ขนมจีนน้ำเงี้ยว


          เติมพลังเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ต้องไปที่ ๆ เป้นไฮไลน์ของเค้า เรียกกันว่า Blue lagoon ดูจากในรูปจริง ๆ แล้วไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่รู้สึกว่าคงเป้นแค่บึงน้ำเล็ก ๆ อะไรเทือกนั้น แต่ไปเพราะมหาชนส่วนใหญ่บอกว่าทางไปนั้นสวย พอไปแล้ว อืม นะ ก็เห็นด้วยสวยจริง ๆ


วิวข้างทางดูยิ่งใหญ่แบบรู้สึกจับต้องได้ เข้าใจกันไม๊เนี้ย


แอบเดินเข้าไปในนาเค้าหน่อย อยากได้รูปแบบไม่มีรั้วบัง


ลืมบอกไป ถ้าคิดใช้เส้นทางนี้ก็หาผ้าปิดปาก ปิดจมูกหน่อยก็ดี


แต๋แน๋...โฉมหน้า The Bluelagoon คะรับ


และนี่คือบันไดทางขึ้นไปโดดวัดใจกัน ไม่ต้องกลัวเราป๊อดอยู่แล้วเลยไม่ขึ้น ฮา


ขึ้นแล้วก็ต้องโดด เอา...ฮึ๊บ


ตูมมมมมมมมม


ป่ะ ป่ะ ขึ้นไปโดดกันใหม่


มีพวกห้อย โหน โจน ทะยานให้เล่นเยอะแถวนี้ อืม....น่าเล่นนะ


          กลับดีกว่าเดี๋ยวช่วงบ่ายจัดโปรแกรมไว้ว่าจะไป Trupping ล่องลำน้ำซองซะหน่อย ดูซิจะเป็นไง


เราใช้สะพานนี้ข้ามไปเที่ยวไม่เสียตังค่าข้ามสะพาน เจอโดยบังเอิญ

  
          เหมือนเช่นทุกที่ยังไง ๆ ก็กลับที่พักก่อนตอนนี้เปลี่ยนที่ใหม่แล้ว ชื่อวงวิไล (มั้ง) ราคาก็คิดที่ 1000 บาทไทย เลือกเพราะราคาถูกกว่าที่อื่นในวิวเดียวกัน ค่อนข้างประทับใจที่สุดตั้งแต่มาที่ลาวเนี้ย รูปนี้เป็นวิวริมระเบียงห้องเลยนะ จริง ๆ แล้วได้อ่านที่เค้าแนะนำในพันทิปมาก่อนแล้วแต่นึกว่าอยู่กลางเมืองเลยไม่ได้เลือก ถ้ารู้ว่าโลเกชั่นแบบนี้เลือกตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ไว้คราวหน้าจะลองหานอนมันริมน้ำเลยดีกว่าเจออยู่หลายที่เหมือนกัน


อีกมุมของระเบียง หารูปห้องพักไม่เจอ ไม่รู้ลืมถ่ายหรือเปล่า?.....


          การ trupping ของเราไม่ได้ซื้อจากทัวร์แต่ใช้วิธีเช่าห่วงยางซึ่งทางเค้ามีรถบริการไปส่งยังจุดที่ใช้เริ่มในการล่องลำน้ำซองให้ด้วย สนนราคาไม่แพงนะ แต่มีให้เซ็นชื่อยิมยอมประมาณว่าถ้าเอ็งตายโทษข้าไม่ได้นะ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก สำหรับใครที่อยากพายเรือแทนก็มีทัวร์ให้บริการอยู่ ที่นี้ดีอย่างนึงตรงราคาเค้าค่อนข้างมาตราฐานดี ถามที่ไหนก็เท่ากันไปหมด


ถ่ายกันกลางน้ำเลยนะ 


นี่แหละ Trupping


          ช่วงแรกของการลอยตามน้ำเราจะเจอกับร้านตามริมน้ำลักษณนี้ประมาณซัก 7-8 ร้าน โดยจะส่งเสียงตะโกนเรียกเราประมาณว่าสนใจ บ่ แวะ บ่ พอเราพยักหน้าเท่านั้นแหละ พวกก็จะโยนเชือกมาให้เราสาวเข้าฝั่งเพื่อร่วม ตื๊ด ๆ 



นี่ก็อีกร้าน


          วิวมุมนั่งห่วงยานลอยนี้ก็สวยแปลกดีนะ แต่ถ้าลอยไม่เกินซักชั่วโมง เราว่ากำลังดีนะ แต่เนี้ยรอกันไปตามน้ำเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ ประมาณว่าตูดเปื่อยแล้ว เปื่อยอีก เหมือนเพลงที่ว่า "เอาตูดแช่น้ำแล้วเดินต่อไป" แต่นี่แช่นานนนนนนนน...มากกกกกกกกกก เกือบ 3 ชม. พอถึงที่ ๆ ต้องขึ้นก็มีเด็กน้อยแก้ผ้า แก้ผ้าจริง ๆ ลอยมาเกาะห่วงยางของเราพาจูงเข้าฝั่ง ตอนแรกก็นึกว่าหน่วยพิเศษของร้านเช่าห่วง ที่แท้เด็กน้อยมาช่วยเพื่อแลกกับน้ำใจเล็กน้อย


          หมดแรงกันเลยทีเดียวกับเวลาเกือบ 3 ชม.แต่รู้สึกคุ้มค่าทีเดียวถ้าไม่ติดว่าร้านเค้าขู่เราว่าจะปิดตอน 5 โมงกลัวกลับมาคืนห่วงไม่ทัน แต่หลังจากอาบน้ำแล้วออกมาหาอะไรกินประมาณเกือบทุ่มก็ยังเห็นมีคนเอาห่วงมาคืนเรื่อย ๆ นะ สงสัยพูดไว้ขู่ไม่ให้ไปแวะร้านริมน้ำนานแน่ ๆ เลย ตอนกลับมาห้องเนี้ย บอกตรง ๆ เลยวิวโดยใจมาก ฟินเวอร์จิง ๆ


นั่งดูอาทิตย์ลาลับฟ้าก่อนออกไปหาอะไรกินเช่นเดิม....เฮ้อ..สวยบอกไม่ถูก


          ทริปนี้ค่อนข้างมีปัญหากับ Wifi ที่พักก็มีนะแรงด้วยแต่เชื่อมต่อแล้วใช้ไม่ได้ ก็เลยไปกินที่เดิม ส่วนที่เห็นนี่เป็นหวยของเค้าครับ รู้สึกจะออกอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เราอยู่ไม่ตรงวันออกซะด้วยไม่งั้นคงต้องมีเสี่ยงดวงกันหน่อย


ว๊าวววววว.......เช้าแล้ว โหยสวยไปไหนเนี้ยยย


น่าน ๆ ๆ มีหมอกลอยมายั่วอีก พอ ๆ เดี๋ยวต้องเดินทางแล้ว ฮึ่มฝากไว้ก่อนเถอะเดี๋ยวมาใหม่แน่


ทางที่จะเดินไปที่จองรถไปหลวงพระบาง ตรงมุมถนนนั้นเป็นร้านที่เราเช่ารถมอเตอร์ไซด์


จริง ๆ อยากเช่าร้านนี้ แต่งบไม่ถึงที่นี่รถเช่าแพงจัง



อ้าวร้านที่มากินเมื่อวานเลย มีร้านตรงมุมขวานักท่องเที่ยวชอบกินร้านนี้แต่เรากินร้านกลาง


แทบจะคิดว่าเป็นอาหารประจำชาติไปแล้วนะเนี้ย มีเยอะมาก


อีกร้าน


ก๊วนใหม่ที่กำลังจะไปล่องน้ำซอง แต่คงเป็นแบบเรือแคนนู ส่วนเราก็บ๊าย บาย วังเวียง


          ตอนเข้าวังเวียงบ่นว่าทางงั้น ๆ ไม่สวยเท่าบ้านเรา เป็นไงหล่ะพอเป็นทางไปหลวงพระบาง แหม่ทางเค้าสวยไม่ใช่เล่นเลยนะ โค้งเท่าที่ดูก็ไม่ดุเท่าไหร่ แต่คนขับบอกว่าทางที่เรามาเป็นทางสายใหม่จะใช้เวลาสั้นกว่า แต่เค้าบอกสายเก่าสวยกว่าเยอะ แค่ใช้เวลาเยอะกว่าหน่อย หน่อยของเค้าก็ 1-2 ชม.




เหมือนขับขึ้นฟ้าเลยอะ


จุดนี้เหมือนเป็นจุดพักรถ ให้นักเดินทางได้กินลมชมวิวกันพร้อมยืดเส้นยืดสาย


หลังจากนี่ยิงยาวเลยจนถึงขนส่งหลวงพระบางเลย ระหว่างทางใกล้ ๆ หลวงพระบางผ่านชุมชนชาวเขาค่อนข้างเยอะ เห็นวิวนาขั้นบันไดเป็นช่วง ๆ อยากถ่ายรูปนะแต่นั่งจนหมดแรง ไว้คราวหน้าจะมาแก้มือ

2 ความคิดเห็น:

  1. ตามมาดูต่อครับ ถ่ายรูปได้สวยมากๆ เลยครับ ชอบๆๆ ภูเขาเค้าสวยนะครับ ถนนลอยฟ้านี่สุดยอดเลย บรรยายได้เห็นภาพมากเลยครับ

    ตอบลบ