hawker

hawker

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วันนี้ที่หลวงพระบาง


          เมื่อคืน (31 ธ.ค. 2557) อยู่จนดึกแต่ไม่มาก นอนน้อยนึดนึงรีบตื่นตั้งแต่ตี 5 กว่าเพราะกลัวว่าจะตักบาตรข้าวเหนียวไม่ทัน ประมาณว่ามาหลวงพระบางถ้าไม่ทำกิจกรรมนี้เหมือนมาไม่ถึง เอาเข้าจริงกว่าพระจะเดินผ่านมาก็เกือบ 7 โมงเช้า อากาศดี บรรยากาศน่ารัก ไม่ได้รู้สึกว่ารอนานเลยนะแป๊บ ๆ ฟ้าก็สว่างแล้วรู้สึกอิ่มบุญขึ้นมาซะงั้น




นั่งกันหน้าที่พักเลยไม่ต้องไปไกล



ใช้บริการของชาวบ้านเค้า กระติ๊บละ 5000 กีบ จัดไป 4 กระติ๊บ










          หลังจากกิจกรรมตักบาตรข้าวเหนียวจบลง ก็ต้องเดินตลาดเช้า ชิมกาแฟที่ร้านประชานิยม เรากลัวไปไม่ถึงก็เลยเลียนแบบซะ แต่ขอเว้นร้านประชานิยมนะ อย่างที่เห็นในภาพคือผู้คนจากทั่วทิศหลั่งไหลกันมาแย่งกันกินเยอะเกินเกรงว่าคงไม่ม่วนแน่ ๆ เพราะแม้แต่เก้าอี้จะนั่งยังไม่มี ความจริงรอสายหน่อยค่อยมากินก็ได้ แต่ถ้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์คงต้องรับสภาพ



ข้างร้านประชานิยมเลยครับ เอาอิ่มกันไปเลย

          ไปเดินเล่นตลาดเช้ากันดีกว่า ที่นี่ของขายเยอะนะ ผักสดมาก ปลาสด และเยอะมาก ถ้าแบบว่ามีที่พักที่ทำอาหารได้เนี้ย อยากซื้อไปทำให้หายอยากเลย จะว่าไปตลาดเช้าที่บ้านเราแถว ๆ ที่ติดแม่น้ำโขงก็คล้าย ๆ กันนะ แหมพูดถึงแล้วน้ำลายสอ






ฝากท้องไว้ที่ร้านนี้ แบบรองท้อง เค้าเรียกอะไรจำไม่ได้เหมือนเดิม











เดินออกมาทางไหนก็ไม่รู้หลงทิศ เจอร้านโจ๊กร้านนี้เข้าเห็นคนพื้นที่กินกันเยอะมาก เลยรองท้องอีกชาม


          เที่ยวชมตลาดกันแล้ว เติมพลังเรียบร้อย ก็เดินออกกำลังย่อยอาหารกันหน่อย แดดอ่อน ๆ อากาศเย็น ๆ ถ้าได้ปั่นจักรย่นไปเรื่อย ๆ คงชิวสุด ๆ พอดีไม่ได้เช่ามา แต่เดินเล่นก็ไม่เลวนะ






เค้าบอกว่านี่เป็นท่าเรือที่เห็นในหนังเรื่อง สบายดีหลวงพระบาง









          ตั้งแต่มาที่ลาวพึ่งได้รู้สึกถึงเวลาที่ช้าลงก็ที่หลวงพระบางนี่แหละ ที่วังเวียง กับ เวียงจันทน์ไม่รู้สึกแบบนี้เลย สาย ๆ วันนี้ตั้งใจว่าจะไปหาดูผ้าไหมจากฝีมือชาวบ้านจริง ๆ เพราะเท่าที่น้าร้านของชำบอกเมื่อวาน กับน้องแม่ค้าที่ได้คุยกัน ของที่ขายในตลาดมืดส่วนใหญ่เค้าจะรับกันมาอีกที แต่ร้านที่เรากำลังจะไปเนี้ยต้องรู้จริง ๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครรู้ ตัวน้าร้านขายของชำ(ขอโทษที่ลืมถามชื่อน้าเค้า) เวลาจะใช้ผ้าก็ใช้บริการร้านนี้แหละ




          สะพานข้ามลำน้ำคานที่จะพาเราไปที่ร้าน ช่วยร่นระยะทางได้เยอะ แต่ต้องเสียค่าข้ามนะ เพราะเป็นสะพานที่ชาวบ้านช่วยกันทำขึ้นมาเอง และพอถึงหน้าน้ำหลาก น้ำก็จะทำให้สะพานพังใช้ไม่ได้ ชาวบ้านก็จะนำเงินที่เก็บได้มาสร้างสะพานใหม่ตอนน้ำแล้ง




ข้ามมาแล้ว มีร้านนั่งชิวเอาท์ด้วยนะ



          นี่แหละร้านแม่หญิงนามว่าสมเพชร เป็นคนน่ารักมาก คุยกันอยู่เป็นชั่วโมงทำให้รู้ว่าพี่สมเพชรแกชอบทอผ้ามากแล้วผ้าทอที่เห็นก็ออกแบบลายผ้าเอง มัดย้อมเอง จากที่เห็นคือต้องรักมากและรู้จริงในสิ่งที่ทำเลยแหละ ปลื้มพี่เค้าจริง ๆ พี่เค้าเล่าว่าเคยมีฝรั่งมาซื้อตัวให้ไปทำกับเค้าเลยแต่พี่เค้าไม่เอาอยากอยู่บ้านมากกว่า อุดหนุนผ้าพี่เค้ามาพอที่จะจ่ายไหว 









ลายนี้คือลายที่ละเอียดที่สุดเท่าที่ยังเหลืออยู่ ส่วนใหญ่ขายไปหมด ผืนนี้ทออยู่ 3 เดือน


          หลังจากกลับมาจากการช๊อปผ้าไหม ก็มาเยี่ยมชมอีกหนึ่งสถานที่มหาชน วัดเชียงทอง



















          จากนั้นก็หาเดินมาเจอร้านขายชุดชาวเขา เท่าที่ถามตัวคนขายเป็นชาวเขาแท้ ๆ เลย ละลานตาเชียว มีแทบทุกชนเผ่า ร้านอยู่ใกล้ตลาดมืด เท่าที่ดูของค่อนข้างครบมาก แต่ราคาก็แล้วแต่นะ บางอย่างก็แพงกว่าของตลาดมืด บางอย่างก็ถูกกว่า







ถ้ามีโอกาศอยากพักแบบนี้จัง วิวแม่น้ำโขงเชียว



จุดบรรจบกันระหว่าง ลำน้ำคาน กับแม่น้ำโขง



และก็มาฝากท้องมื้อเย็นที่เดิม แต่คราวนี้ไม่หิวโซ เลยนั่งแช่ดูวิวยามเย็นซะเลย





          เที่ยวทั้งวันหล่ะ พักผ่อน นอนหลับ พรุ้งนี้ก็ต้องกลับหล่ะยังเที่ยวไม่ทั่ว ไปไม่ครบเลย สงสัยได้แต่อาฆาตไว้คราวหน้าค่อยมาแก้มือใหม่ เดี๋ยวต่อโพสท์หน้าสำหรับวันสุดท้ายนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น