ว่างเว้นการโพสไปเป็นครึ่งปี ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปไหนมากมายอันเนื่องมาจากการหาเวลาไม่ลงตัวจนมาตอนช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมาเดือนธนวาคม ผู้ร่วมทริปตลอดชิวิตอยากให้รางวัลตัวเองโดยมีงบอยู่ก้อนนึงไม่มากนักโดยกะว่าจะซื้อทัวร์ไปเกาหลีกัน ในงบไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน ส่วนใหญ่ที่เจอก็จะเป็น 5 วัน 3 คืน เที่ยวไฮไลท์ครบ พวก เอเวอร์แลนด์ นามิ มีครบหมดรวมทั้งทำกิมจิ ศูนย์โสม ที่ยังไงก็ต้องไป และระหว่างตัดสินใจก็ลองหาทางเลือกทางอื่นเช่น AirAsiaGO, Expedia และสายการบินต่าง ๆ จนสุดท้ายมาเจอที่ Expedia ราคาตั๋วไป-กลับ พร้อมที่พัก ตกคนละประมาณ 13,000 รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลฯ เลยปรึกษากันว่าอย่างนี้ไปกันเองเลยดีกว่าเพราะอย่างน้อยถึงผมจะไม่เคยไปแต่ ผู้ร่วมทริปตลอดชิวิต เคยไปมาแล้วตั้ง 3 ครั้งถึงแม้จะไปกับทัวร์มาโดยตลอดก็เถอะ
ตกลงว่าจะไปกันเองแล้วที่เหลือก็กำหนดวันเดินทาง หาข้อมูล แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็จาก อากู๋ (Google) เป็นส่วนใหญ่แต่ที่เด็ดสุดคือเราไปที่ KTO การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีด้วย ที่นี้มีทั้งคูปองลดราคา ไกด์บุ๊คแบบภาษาไทย และแผนที่ ต่าง ๆ แบบครบและแน่นอนว่าน่าจะเชื่อถือได้สุด ๆ อันนี้แนะนำเพราะเราได้วิธีหาคูปองเพื่อไปขึ้นหอคอยเกาหลีฟรี และเช่าชุดฮันบก(ชุดประจำชาตืเกาหลี)ฟรี 2 ชม. คูปองลดราคาค่าเข้าสถานที่ต่าง ๆ แถมมีให้โหลดในเว็บไซด์ด้วยลองเข้าไปดูก่อนก็ได้ที่ http://kto.or.th/
เมื่อข้อมูลครบ แผนคร่าว ๆ ของเราก็กำเนิดขึ้นว่าเราจะเที่ยวกัน 5 วัน 4 คืน แต่เพราะดูเวลาการเดินทางผิดเลยกลายเป็น 6 วัน 5 คืน เพราะวันเดินทางไฟล์บินเราขึ้นตอน ตี 3 ของวันที่ 8 เราดันไปเข้าใจว่ามันคือตี 3 ของวันที่ 8 ซึ่งต้องตรงกับวันที่ 9 แต่ในความเป็นจริงมันคือคืนวันที่ 7 ตรงกับวันที่ 8 เลยต้องลางานเพิ่ม 1 วัน จองที่พักเพิ่มอีก 1 วัน จบเรื่องเดินทางเราวางทริปไว้แบบเที่ยวครบเหมือนทัวร์เลยแค่ต้องเดินทางเองโดยเน้นรถไฟเป็นหลัก ไม่ไปที่ ๆ เค้าบังคับให้ต้องไป แถมพิเศษนิดหน่อยจ่ายเพิ่มนิดนึงคือ 2 วันสุดท้ายเราจะไปนอนบ้านแบบสไตล์เกาหลีว่าแล้วก็ ไปกันเลย
เครื่องที่เราจองเป็น AirAsia แต่มันก็เครื่องเดียวกันกับ AirAsia X นั้นแหละ ดูคนซะก่อนมหาศาลมาก แต่โชคดีที่เราเช็คอินออนไลน์มาก่อนเลยไม่ต้องรอคิวนานอย่างที่เห็น แนะนำนะเช็คอินออนไลน์
ผ่าน ตม. ไม่ยากเย็นเท่าไหร่เพราะคนไม่เยอะเหมือนที่เป็นข่าวถือว่าเปิดทริปได้สวย ๆ
เครื่องใหญ่แถวที่นั่งเรียงแบบ 3-3-3 แต่เราโชคดีแม้ว่าจะต้องนั่งท้ายเครื่องแต่แถวของเราเป็นแบบ 2-3-2 และเราได้ที่นั่งในแถวที่มีแค่ 2 ที่นั่งจะได้หลับสบาย ๆ
ก็มันต้องบินประมาณเกือบ 6 ชั่วโมงและบินดึกมากเลยสั่งอาหารเผื่อไว้ก่อนเพราะเท่าที่มีข้อมูลหลังจากลงเครื่องกว่าจะได้เข้า โซล หาทางไปที่พัก ข้าวเข้าไม่ต้องพูดถึง ถามว่าจะได้กินข้าวเที่ยงเมื่อไหร่ดีกว่า ที่เห็นเป็น เทอริยากิไก่กับข้าวสวยญีปุ่น
อันนี้น่าจะ ราซาลญ่าไก่
ถึง โซล ตอนประมาณ 10 โมงเช้า ผ่าน ตม. ที่เค้าว่าโหดแอบเสียวแต่ก็ไม่มีอะไรอย่างที่ได้ยินมาอุตสาห์เตรียมเอกสารมาเพียบไม่ได้ใช้เลย ส่วนที่รับกระเป๋าจะอยู่อีกอาคารนึงต้องนั่งรถไฟไป
ทันที่ที่ได้รับกระเป๋าเราก็ไปรับ Wifi Pocket ที่จองไว้แล้วโดยสนนราคาถ้าจำไม่ผิดตกวันละไม่เกิน 200 บาท
หาทางเข้า โซล กันก็หาไม่ยากหรอกถึงสนามบินจะใหญ่แต่ป้ายต่าง ๆ เค้าก็เยอะ
ต่อด้วยซื้อบัตร T-Money สำหรับใช้ขึ้นรถไฟ แถมเป็นบัตรใช้จ่ายอะไรต่อมิอะไรได้จิปาถะมาก นั่งแท็กซี่ก็ใช้ได้ ซื้อของในซุปเปอร์ก็ได้ แนะนำว่าต้องมีสะดวดมาก
มา 2 คน 6 วันไม่รู้ว่าเยอะไปไม๊? แต่หลัก ๆ กลัวน้ำหนักเกินมากกว่า
นั่งรถไฟจากสนามบิน อินชอน เข้า โซล ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.มีรถด่วนด้วยนะจอดสถานีน้อยกว่าแต่รู้สึกจะเร็วกว่าแค่ประมาณ 10 นาที และแพงกว่าเยอะ ไม่ได้แอ้มเราหรอก
ก้มหน้าก้มตากันไป เดี๋ยวก็ถึง ต้องเปลี่ยนสาย 1 ครั้ง โชคดีที่โรงแรมที่เราพักห่างจากสถานีรถไฟฟ้า Hoehyeon ไม่น่าเกิน 500 เมตรทางเดินง่ายลากกระเป๋าสบาย
โรงแรมที่เราพักชื่อ New Korea Hotel ราคารวมอาหารว่างตอนเช้า (ไม่อยากเรียกอาหารเช้าเพราะเป็นแนวขนมปัง ชา กาแฟ ผลไม้) มีลิฟท์สะดวกสบาย เช็คอินสบาย ๆ ไม่มีปัญหาเหมือนอย่างที่ระแวงไว้ ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ฟังสำเนียงเค้าไม่ค่อยออก แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาได้แล้ว
เหมือนโชคดีได้ห้องมีหน้าต่างแบบนี้เลยดูไม่อึดอัดนัก เพราะห้องค่อนข้างเล็ก และมืดเพราะไฟมีแค่ 2 ดวงเอง
เห็นห้องนอนเล็ก ๆ แต่ห้องน้ำแอบมีอ่างและน้ำแรงซะใจมาก น้ำร้อนแบบลวกไข่สุกได้
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
เรานอนที่นี่ 3 คืนได้แบบนี้ไม่ขี้เหร่เลยนะ
จะสงสัยก็บริเวณหน้าห้องนี่แหละใหญ่จัง เลยใช้เป็นที่เก็บกระเป๋าเลยเพราะถ้าเอากระเป๋าไว้ในห้องจะแคบมาก แต่ส่วนตัวชอบนะถึงจะแลดูแคบแต่ก็ไม่อึดอัด ส่วนตัวแล้วคิดว่าคุ้มเกินราคาอยู่
ลืมบอกไปว่าก่อนเดินทางเราเช็คอุณหภูมิมา เค้าบอกว่าอากาศเย็นประมาณ 6-10 องศา แต่พอออกจากสถานีรถไฟฟ้าเท่านั้นแหละนึกว่าอยู่ในห้องเย็นที่ไหนซักแห่ง พอเช็คดูอุณหภูมิจากโทรศัพท์ -1 ครับคุณพี่ แล้วตั้งแต่เกิดมา เคยเจอหนาวสุดตอนไปเวียดนามประมาณ 5-6 องศา บอกเลยว่าพี่ไม่พร้อมจริง ๆ และตลอดทริปนี้ชีวิตติดลบทั้งทริป
หลังเก็บของที่โรงแรมเสร็จก็ปาเข้าไปประมาณ บ่าย 2 ถามว่าหิวไม๊? ก็ไม่มากนะเพราะมัวแต่หนาวซะมากกว่าแต่ไหน ๆ ก็เลยเวลามาเยอะแล้วกินกันหน่อยดีกว่า เราวางแผนกันไว้แล้วว่าต้องไปกินที่ตรอกก๋วยเตี๋ยว แบบขายอย่างเดียวกันทั้ซอยประมาณนั้น ชื่อ ตรอกไคกุ๊กซุ (Kalguksu Alley, 남대문칼국수골목) หรือ ตรอกก๋วยเตี๋ยวเกาหลี อยู่ที่ ย่านนัมแดมุน(Namdaemun) ไม่อยากโม้ว่าอยู่ใกล้โรงแรมที่เราพักแค่เดินข้ามถนน ตอนเลือก รร. นี้ในเพจไม่นึกว่าจะใกล้มากขนาดนี้
นี่คือร้านที่เรากิน อย่าบอกว่าเลือกนะเพราะโดนจูงมือเค้ามานั่งเลย เมนูอะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออกซักอย่าง เท่าที่ดผุก็เหมือนเคยออกทีวีกันทุกร้านแหละ อะมาชิมอาหารมื้อแรกใน โซล กันดีกว่า
เหมือนที่เคยรับรู้มา เครื่องเคียงไงครับ มาเยอะเชียว เอาจริง ๆ กินเครื่องเคียงเฉย ๆ ก็อิ่มได้นะเนี้ย
อันนี้ที่เราสั่ง มีข้าว บิบิมบับ กับ ก๋วยเตี๋ยว นอกนั้นเครื่องเคียง แถมมีน้ำเปล่าฟรีตลอด
พึ่งเคยเห็น พัดลมฮีตเตอร์ ส่ายไป ส่ายมา อย่าลืมว่าตอนนี้ -1
หลังจากอิ่มก็เดินเล่นย่อยอาหารกันนิดนึง ร้านนี้คนเยอะมากอยู่แทบติดกับซอยก๋วยเตี๋ยว แต่ยัดไม่ไหวแล้วอิ่มมาก
ที่เราเดินกันคือ ย่านนัมแดมุน(Namdaemun) และรูปนี้คือประตูนัมแดมุนอยู่ไม่ห่างจากที่เรากินกันเมื่อกี้เท่าไหร่
ที่ประตูนี้มีทหารเดินยามกันด้วยนะ ขอเค้าถ่ายรูปได้
สรุปคือที่พักที่เราเลือกจัดว่าดีงาม สะดวกแก่การเดินทาง และตอนนี้เริ่มเย็นแล้วทั้งเวลา และอากาศ ตอนนี้น่าจะ -2 ถึง -3 แผนต่อไปของเราคือไปช๊อปกันครับ จริง ๆ แล้วทริปนี้จะไม่เน้นช๊อปปิ้งเท่าไหร่แต่ที่จัดกันตั้งแต่วันแรกเพราะ ที่ Shinsegae ห้างเอาท์เลต (อยู่ใกล้ที่พักแค่ข้ามถนนเส ้นเดียว) มาที่นี่เพราะถ้าซื้อของที่ มูลค่ามากกว่า 10 เหรียญดอลลาห์ต่อคน สามารถแลกคูปองขึ้น โซลทาวเวอร์ ฟรี เช่าชุดฮันบกฟรี 2 ชม. ถ้าไป 2 คนก็แบ่งกันซื้อ ใช้ พาสปอร์ต คนละเล่มหล่ะ เพราะถ้าซื้อคนเดียวก็ได้แค ่คนเดียว เราโดนมาแล้ว
ชิงช้า มีไว้โชว์กลางห้าง
หลังจากช๊อปปิ้งและแลกคูปองเป็นที่สำเร็จก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว แต่เราก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่คงเพราะกินไปตอนบ่าย 2 ซะเยอะ พอลองดูแผนที่ในโทรศัพท์ดูก็ทำให้รู้ว่าเราห่างจากย่านมยองดง หรือที่เค้าเรียกกัน เมียงดง แค่สถานนีรถไฟฟ้าสถานีเดียวเอง ไปซิรออะไรเห็นว่า Street Foods ของที่นี่สุดยอดน่าสนใจ
หนาวๆ ก็ต้องร้อน ๆ แบบนี้หากินไม่ยากมีทั่ว ๆ ไป รสชาติดีนะ
อันนี้บ้านเรามีเยอะผ่าน ๆ
กุ้งล๊อบสเตอร์ชีส น่ากินมาก แต่ราคาแรงไปไม่ไหว
ปลาหมึกผัดซอสชีสเยิ้ม ๆ ลองมาชุดนึงรสชาติเหมือนผัดกับมาม่า ยังไม่ปลื้ม
สตอเบอร์รี่โมจิ
ลูกละ 2,500 วอน อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกก แต่...เออ...ราคาก็ไม่ถูกนี่หว่า ชั่งมัน ชอบ ๆ
หอยใหญ่มากไม่ได้ลอง ราคาไม่โดนใจ
อันนี้อยากลองเพราะแม่ค้านี่แหละ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ลอง
คล้าย ๆ กุ้งเทมปูระ เหมือนเดิมไม่ได้ลอง
อันนี้พื้น ๆ บ้านเราก็มีไม่ลอง
จาจางเมี่ยน อันนี้ลองเพราะแม่ค้าน่ารักพูดภาษาไทยได้ด้วย กินเพราะความ Friendly ของแม่ค้าล้วน ๆ
สรุปคือไม่ค่อยได้ชิมเพราะรู้สึกว่ามันแพง แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของค่าเงินมากกว่า พึ่งมาวันแรกยังไม่ชินเลยรู้สึกว่าแพง วันหลัง ๆ มือเติบเชียวหล่ะเพราะเริ่มชิน
หนาว ๆ ต้องกินติม จริง ๆ แล้วอยากถ่ายรูปมากกว่า
วนกลับมาจัดร้านนี้อีกลูก 2,500 วอนรู้สึกแพงแต่มันถูกปาก ถูกจริตมั๊กมาก
สุดท้ายก็ไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เดินเล่นซะมากกว่าอากาศเย็นคนเยอะ คึกคักดีมองเวลาอีกทีปาไปจะ 5 ทุ่มกลับที่พักดีกว่าพอมอง ๆ ดูทางมันก็ไม่ได้ห่างจากที่พักเท่าไหร่เลยใช้การเดินมันซะเลยเย็นดีก่ออนถึงที่พัก มากินที่ร้านแถวที่พั ก ชื่อ Pomato รู้สึกเหมือนจะมีหลายสาขาเป ิด 24 ชม. ที่สำคัญราคาไม่แพง เน้นบริการตัวเอง หยิบน้ำ หยิบเครื่องเคียง ดูดี รสชาติก็ไม่แย่
คิมบับ จำไม่ผิดน่าจะ 3,000 วอน
ก๋วยเตี๋ยวหอย จำชื่อเมนูไม่ได้ น่าจะ 4,500 วอน
กว่าจะจบวันแรก ตอนแรกว่าจะลงแบบย่อ ๆ แต่กลัวจะไม่รู้เรื่องกันมันก็เลยแลดูจะยาวไปหน่อย
ตามแผนพรุ้งนี้เราจะไปเยือนเกาะนามิกัน ป่ะ ๆ นอนก่อนพรุ้งนี้ตามกันต่อ
วันต่อไป
http://hawkof9.blogspot.com/2018/02/3.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น