แลดูจะไม่ค่อยเหมือนรีวิวท่องเที่ยวซะหล่ะ จะเหมือนรีวิวที่พักไปซะงั้น แต่ด้วยความที่เจ้าของน่ารักทั้งคุณ อุ๋ย และคุณแม่ รวมถึงคุณต๊อกที่ได้เจอตอนเช้า บวกกับชอบส่วนตัวกับสไตล์ของห้องพัก การตกแต่ง ตอนนี้เลยไม่สงสัยแล้วว่าไอ้ที่ตกแต่งจุ๊ก ๆ จิ๊ก ๆ เยอะแยะมากมายขนาดนี้ได้ เพราะมาจากครอบครัวบ้าพลังนี่เอง . . . ฮา . . .
ที่พักที่นี่เน้นไปทางการมีส่วนร่วมกันของผู้ที่มาพัก พึ่งเคยเห็นนี่แหละที่มีครัวกลางทั้งที่ไม่ใช่บ้านพักแบบโฮมสเตย์ มีเครื่องดื่มพวกน้ำร้อน น้ำเย็น กาแฟ โอวัลติน ตลอด 24 ชม.ในตอนเช้าก็มีข้าวต้มหมูทรงเครื่อง ขนมปัง แยม ไว้บริการ จาน ชาม เตาแก๊ส กะทะ หม้อ ไมโครเวฟ บลา ๆ ๆ ๆ มีให้บริการครบแค่หลังใช้เสร็จล้างให้ด้วยแค่นั้นเอง
ทางเข้า เพลินดีนี่ มีทางเข้าตรงหน้าปากซอยก็เท่ แต่ไม่ได้ถ่ายมา
ทางเข้าลานกลางเต็นท์ หรือเรียกว่าลานกิจกรรมดีนะ
ตั้งตามชื่อลูกสาวคุณอุ๋ย คุณต๊อก
ลานรอบกองไฟ
ห้องน้ำเป็นสัดเป็นส่วน
ตรงนี้ก็มีมุมครัวนะ
มุมสำหรับเด็ก หรือผู้ใหญ่ก็น่าจะได้
โต๊ะ เก้าอี้ แบบไม่เหมือนใคร มีตำนานนะจะบอกให้
ที่จอดรถ
เซ็ทนี้ตื่นมาถ่ายแต่เช้าแสงเลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ตอนแรกว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่างเก็บน้ำซึ่งอย่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่ แต่ขี้เกียจตื่นเลยอด กลับไปดูบรรยากาศที่พักตอนสว่าง ๆ กันดีกว่าเมื่อวานมาค่ำไปหน่อย
หลังนี้แหละที่เข้าไปถ่ายเมื่อวาน
หลังนี้ก็ด้วย ที่สำคัญมีชั้น 2 ด้วยนะแต่ไม่มีรูปให้ดูเพราะมีคนเข้าพักแล้ว
แหละนี่เลยร้านปลอดภาษีของที่นี่
เวอร์ วัง อลังการ แบบอบอุ่น น่ารัก ดูรวม ๆ แล้วมีสเนห์เหลือเกิน . . . . ใจไม่รักทำไม่ได้นะเนี้ยดูเผิน ๆ นี่บอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่ต้องมีเงินอย่างเดียวนะ ต้องมีเวลามาก ๆ ต้องชอบมาก ๆ ต้องรักมาก ๆ ถึงจะมีแรงทำ เพลินดีนี่ ได้น่าเพลินขนาดนี้ แลดูเป็นรีสอร์ทที่ไม่ค่อยหวังผลกำไรอะไรประมาณนั้น เห็นบรรยากาศกันพอประมาณ ว่าแล้วไปเที่ยวกันดีกว่า
จริง ๆ แล้วในบริเวณนี้ก็มีที่พักเยอะมาก และที่ ๆ พอเที่ยวได้ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก อย่างวันนี้เราไปอ่างเก็บน้ำห้วยปรือกัน ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่สวยนะเหมาแก่การชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกเลยหล่ะ และในบริเวณใกล้กันก็มีศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าภาคกลาง ที่มีสัตว์ให้ชมได้แบบไม่ใช่สวนสัตว์นะเป็นที่ของกรมป่าไม้ที่ใช้เก็บสัตว์ที่มีพวกลักลอบเลี้ยงไว้ พอจับได้ก็จะมาเก็บไว้ที่นี่ ไฮไลท์ก็คือเสือเบงกอล หลายตัวมาก ตัวใหญ่ กำลังโตเต็มวัย แลดูน่าสงสารเพราะไม่สามารถส่งกลับหรือปล่อยเข้าป่าได้ ต้องเลี้ยงดูกันไปภายใต้งบประมาณที่จำกัด ก็มีคนจิตอาสาเข้ามาช่วยดูแลบ้าง ถ้ามีโอกาศอยากให้ลองแวะไปดูกัน มีอะไรพอช่วยได้ก็น่าช่วยนะ
บนสันอ่างเก็บน้ำ
มีรถมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันด้วย
พี่ต๊อกเซลฟี่กับอีกคณะที่จะไปดูเสือกับเรา
เราขับเก๋ง น้อง ๆ แว็นซ์มากันเห็นว่ามาจากกรุงเทพเลย
ทางเข้า ศูนย์ฯเป็นทางลูกรัง รถขับเข้าได้ไม่ลำบาก
รับแขกกันด้วยหมูป่า ซึ่งทางศูนย์ยินดีให้นะถ้ามีใครจะขอไปเพื่อการเพาะเลี้ยง
บริเวณกรงเสือ
แมวตัวใหญ่มากกกกกกกก
ต้องเป็นเจ้าหน้าที่เท่านั้นนะถึงทำแบบนี้ได้เพราะมันคุ้น อย่าถามนะว่าผู้เข้าชมอย่างเราอยู่ไหนเห็นถ่ายเหมือนใกล้ แต่จริง ๆ ยืนห่างไปไม่ต่ำกว่า 5 เมตร เสียงคำรามมันน่ากลัวมาก คำรามทีตกใจเยี่ยวเล็ด
ตัวนี้ขี้หงุดหงิด เห็นอะไรไม๊? มันมีเขี้ยว เขี้ยวหักหมด
หมีหมา(มั้ง?) ไอ้นี้ตัวแสบเห็นว่าเคยตะปบคนที่ไปดูเพราะยืนใกล้กรงเกินไป
เล่นน้ำโชว์ซะเลย
หมีขอ
กรงลิง เห็นว่ามีหลายร้อยตัวเลย ที่หลุดพังกรงออกมาก็มี
กรงนก เหยี่ยวอย่างเยอะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา แฮะ ๆ
น้องเจ้าหน้าที่น่ารักมาก ขอโทษด้วยที่ลืมถ่ายให้เห็นหน้า น้องเค้าคอยอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังตลอด
แหละบุคคลผู้นี่ นี่เอง คือไกด์กิติมศักดิ์ที่อุตสาห์เสียสละเวลาพาเรามาเที่ยวชม และเล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับที่นี้ให้ฟัง ขอบคุณมากครับ ปุ๊ เราแล้วแต่ปุ๊นะ
น้อง ๆ ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ขออนุญาตลงรูปหน่อยนะครับ
สรุปดีกว่า รีวิวนี้และก่อนหน้านี้เขียนขึ้นจากความประทับใจล้วน ๆ ไม่ได้มีส่วนได้อะไรที่เป็นสิ่งตอบแทน มีแต่ส่วนเสีย(ค่าพัก 1 คืน) แต่ที่แน่ ๆ ที่ได้คือได้รู้สึกถึงความรักที่อวลอยู่รอบ ๆ บรรยากาศของที่พัก แอบคิดเองว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ทำขึ้นมาเนี้ยน่าจะเพราะอยากให้ลูกสาว (น้องลูกโลก) ได้ซึมซาบกับความเรียบง่ายที่หาได้ยากในชีวิตคนเมือง . . . . . อินว่ะ ไปพักเอาเองแล้วกัน เขียนตามอารมณ์ไม่ทัน ขอบคุณคุณพี่ต๊อก ที่ทนร้อน และมากน้ำใจ ที่พาเรามาที่ ๆ น่าจะเรียกได้ว่าถูกมองข้าม ได้เห็นชีวิตของสัตว์ที่เหมือนถูกทอดทิ้ง
จู่ ๆ ก็อินซะงั้น พิมพ์ไรไม่ถูก นึกอะไรไม่ออก จบเลยดีกว่า
เฟจบุ๊ค เพลินดีนี่